12 กันยายน 2553


ครับเพื่อนที่เคารพ มาวันนี้กะแหลงกันเล่าสักหิด พอดีมีอีเมล์มาหาฉบับหนึ่งคับ มีภาพส่งมาด้วยกะสองสามภาพ เป็นภาพที่พักพวกของเรามีกิจกรรมสันทนาการ กัน ณ ร้านอาหารเช่อ เรือนแพฟิชชิ่งพาร์ค รายละเอียดตามภาพถ่ายที่แนบครับ ทีนี้การที่จะเขียนเพื่อให้ได้อรรถรสและเหงือกไม่ทิ่มพุง ข้าพเจ้าอันมีนามกรตามท้องเรื่องว่า นายเค็มกะเลยบอกเพื่อนเสียก่อนว่าไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์แต่กะพอที่จะคาดเดาได้ว่า เป็นพันนี้ เรื่องนี้คงไม่ถึงกับต้องตั้งคณะกรรมาธิการให้มันเวียนหัวน่ะครับ อันนิยายตามปรายหน้าบท มีอยู่ว่า นายประภาส ชูพูล ได้เดินทางไปยังกรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา นัดพบนายธรันต์ บุญรัตน์ (เรือนแก้ว) อันมีเช่อเล่นๆว่า นายตรัน ได้ไปรับเพื่อนเท่สนามบินดอนเมือง ผลปรากฏว่านายหัวเรือหรือคนขับเรือบิน ไม่ได้สนทนากับลูกน้องบนเรือบิน (operater อ่านว่า โอเปอร์เรเตอร์) กันก่อนอีขึ้นบิน ทำให้เกิดการผิดพลาด เรือบินลำเท่เพื่อนเข เลี้ยวหัวไปปร้าสุวรรณภูมิ ) ทำให้นายหัวตรันไปรับไม่ทันเวลา เพราะไปผิดเท่ผิดทาง นายประภาส จึงได้นั่ง แอร์พอร์ตลิงก์ ( ที่นักการเมืองกินกันราวสองเหมินล้าน เสียงนายควนหนุนเค้าว่า ...................) ทำให้นายหัวตรับมาพบเพื่อนรักที่ หลักกิโลเมตรที่ 1 ของประเทศไทย คือ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (เค็มเป็นแหละ หวางนี้ปัญญาแล้ว หมันม๊ายว่ะไอ้เหลี้ยม )
ปร้าบนนู๋ ถ้าใครขี้คร้านอีอ่านกะสรุปเอาหราดๆ ว่าไอ้ภาสมาจากสตูลไอ้ตรันไปรับ กะมาอ่านนับถัดจากนี้ไปเลยเพื่อน ไอ้ตรันกะพาไอ้ภาสไปทำธุระหิดหนึ่งราวสองชั่วโมง ทำไหรไม่ได้บอกเพราะมันเป็นของเถือน หลังจากนั้นนัดไอ้ต้น (พลภูมิ นพรัตน์)ไปพบกัน ณ สถานที่นัดพบ แล้วนิยายตามท้องเรื่องกะดำเนินต่อไป มันขับรถไปตามแผนที่ ที่เพื่อนเชต สุรา นำทางไปให้ ไอ้ตรันขับรถไปรับไอ้น้อง (วาริน อินนุรักษ์) เท่บ้าน ทั้งหมดทั้งเพกะพบกันเท่นัดหมาย ในเวลา 17.35 น. ดังนี้
1 ไอ้ภาส
2 ไอ้ต้น
3 ไอ้ตรัน
4 ไอ้น้อง
5 ไอ้จวบ
6 ผู้ติดตามเพื่อนจวบ (น้องโอ๋)
หลังจากนั้น นายหัวจวบกะกล่าวขึ้นทันใดว่า แล้วเหวอสูมากันเท่านี้เหอ พันนี้หลบหวา แต่ไม่ปรือกูท่าสักหิดเพราะกูมาไกลหวาเพื่อน พันนี้แหละ คนไทยไปตามเวลา คือให้เวลาไปก่อน แล้วเหวอเราจะไปตามเวลา คือมาสายเป็นประจำ คล้ายกับสโลแกนพรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่งว่า ประชาชนต้องมาก่อน เท่มาก่อนคือประชาชน เท่ไม่มาทีคือเพื่อนเรา แต่การสนทนากันต้องหยุดชะงักโดยพลันเมื่อนายหัวตรันกล่าวสอดแทรกขึ้นมาทันทีว่า ไม่ได้ไอ้จวบ มึงทำพันนี้ไม่ได้ ถึงเรามากันหกคน แต่กูมีข้อมูลว่ามีผู้โทรมา Cancle กับไอ้น้องแล้วว่ามาแน่นอนคือไอ้เหลี้ยมกับไอ้จุ๊บ ไอ้เหวอนี้เดียวมันมา มึงเชื่อกูถะไหนๆกะเชื่อกูมา 20 หวาปีแล้ว จะเชื่ออีกทีหมั๊นอีพันปรือขึ้นนิ นี่กูกะสั่ง re กรมมาแล้วยัง re กระทวงไม่มาทีเพื่อน เดียวอย่าเพิ่งปรือโจ๊ การสนทนาระหว่างกลุ่มหนุ่มสาวซึ่งเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยอายุ 15 ปีป่านนี้รวมแล้วกะ 25 ปีที่พวกเค้าไม่มีวันลืมกันและกัน ซึ่งการพบกันของกลุ่มเหล่านี้ อาจมีสุรายาเมาไปบ้าง ผู้เขียนคิดว่าไม่ปรือ ปัญหาช่วงการสนทนาคราวแรกกะมลายสิ้น กะดำเนินต่อไปตามอรรถรสของเพื่อนที่ไม่ได้พบกันเป็นเวลานาน ส่วนใหญ่แล้วเพื่อนกลุ่มเหล่านี้กะสนทนากันได้ออกรสออกชาติ ถ้าใครได้ฟังอาจนึกอิจฉา(ความหมายคือ ถ้าใครไม่อาจจะไม่นึกอิจฉา....ฮาๆๆๆๆ) ในการพบปะของกลุ่มบุคคลในวัยย่างก้าวปีที่ 40 หลายคนได้ผ่านมรสุมอมาหลายดอก ตั้งแต่ภัยสิมานิ ภัยการเมือง คดีพฤษภาทมิฬ ภัยโถกยิกยิง ภัยเมาเหล้าขาวแล้วโถกฟัดกับขวด ช่วงฤดูกาลอันเลวร้ายของชีวิต และล่าสุดสี่แยกราชประสงค์ เป็นต้น ตอนหนึ่งของการสนทนา ประภาส ชูพูล ได้โทรมาชวนผู้เขียน โดยกล่าวว่า เค็มมึงมาเที่ยวกับกูม๊าย ตอนนี้กูนั่งโยเท่ร้านอาหาร เรือนแพฟิชชิ่งพาร์ค มาดถานได้เท่ เพื่อนกะลุยเสียเหม็ด นี่กูขนาดประกาศแค่วันเดียว เพื่อนมาจังเสีย เพื่อนภาสกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ บ่งบอกถึงความมั่นใจในตัวเอง เพราะตัวเพื่อนเค็มสั่งหนักสั่งหนาแล้ว ว่าอย่าหยัด แต่มันไม่เคยเชื่อมันกล่าวว่าเพื่อนทุกคน เหมือนหมันเพ้นแหละ ไม่เคยมีใครดักหน้าแข้งมันที ไม่เชื่อถามไอ้ต้นกกะได้ เสียงว่าอีชวนไปสมาคมไหรสักอย่างที่ กสท. แต่เพื่อนภาสแจ้งว่า ติดภารกิจต้องกลับทอเช้า เพราะมอดรถเขามา เขเรือบินหนุกๆ เดียวอีต้องเสียค่ารถเอง เพราะเมียให้มาสองร้อยหกสิบบาท พอเฉพาะค่าตุ๊กๆหลบบ้านเท่านั้นเอง เค็มกะตอบกลับไปว่า ไม่ทันแล้วเพื่อน ตอนนี้เค็มกินข้าวแล้ว กินเอมแล้วด้วย อีกอย่างไกลสักหิด ตอนนี้เค็มโยสุราษฎร์ธานี ไม่ใช่โยรามอินทรา ในเวลาประมาณ 20.00 น.ก็ปรากฎนามของบุรุษนายหนึ่ง อันมีเช่อตามท้องเรื่องว่า พิเชต รักษาพล ตอนไปอยู่กรุงเทพมหานครใหม่ๆ เข้าเรียนที่วิทยาลัยเทคนิคกรุงเทพ อันเป็นสถาบันที่มีเช่อเสียงที่สุดในขณะนั้น เขาย่างกรายมาด้วยมาดของนักบิดมือฉมัง ใส่แว่นตาดำขลิบ ขยับสายตา ชำเลืองไปตามมุมต่างของร้านอาหารเช่อดัง แล้วกล่าวเป็นพยางค์ที่สั้นและเข้าใจง่ายเมื่อพบกลุ่มเพื่อนที่นั่งรออยู่ก่อน ขอโทษเพื่อนภาสและทุกคนพอดีรถติดมากหยามนี้ ทุกคนให้อภัยและกล่าวต้อนรับผู้มาเยือนลำดับที่ 7 ครับการพบกันของกลุ่มเพื่อนยังคงดำเนินต่อไป หลังจากนั้นราว 15 นาทีผ่านไป เท่ทุกคนรอคอยมาถึง เพื่อนผู้ไม่เคยคิด ไม่เคยคิดไหร และรักเพื่อนเสมอ นามกรตามท้องเรื่องว่านายหัวเหลี้ยมพร้อมค้วยคุณหญิงเล็ก ผู้ซึ่งพำนัก ณ ซอยมัยลาภจนถึงปัจจุบัน (สถานที่ถ่ายทำชีวิตของเพื่อนเราหลายคน เช่น เพื่อนแป้คาดว่าจะสูนไปแน่นอนแล้ว แต่เมล์คาดว่าจะมีคนอ่าน แต่ไม่รู้ใคร เพราะกูด่ามันไปหลายหนไม่ตอบ เพื่อนเค็มรออยู่น่ะเพื่อน วันนี้กูไม่ด่ามึงแล้ว ) แต่ปัจจุบันเพื่อนเบี่ยงเบนการประกอบอาชีพ ในการดูแลชีวิตมนุษย์ในยามไม่บาย ไปเซิบเอาเองว่าทำไหร เพื่อนผู้ให้ข้อคิดในการไม่บายใจของเพื่อนเสมอมา มีไหรไม่บายทั้งกายและใจ สามารถติดต่อเพื่อนได้ เพื่อนกล่าวเพียงประโยคง่ายๆและสั้นเมื่อพบสหายเก่าๆว่า พันปรือมั๊งเพื่อน หยามนี้ผมเป็นห่วงเพื่อนพอสมควรในการจัดกิจกรรมวันที่ 25 กันยายนนี้ ทำให้เพื่อนหลายคนหยุดคิดและแล้วไอ้ตรันพูดขึ้นมาว่า ไม่ปรือไอ้เหลี้ยมเหอ งานนี้เหวอเราไปกันหลายคน มีหน้าม้าไปเยอะๆไม่ปรือแน่ ไม่ว่าด้านงบประมาณ คล้ายกับคืนนี้เรามีเถ้าแก่น้อง (วาริน)ดูแล และเอนเตอร์เทน ไม่กังวลทั้งสิ้น ขอเพื่อนบายใจได้ ตรันเพื่อนผู้รู้เรื่องเพื่อนค่อนข้างมากกล่าวอย่างภาคภูมิใจ การสนทนาของเพื่อนกะสนทนากันสักพัก เรื่องที่สนทนากะเน้น สอบถามเรื่องราวเพื่อนมั๊ง เรื่องของตัวเอง กะที่สำคัญกะเรื่องงานกิจกรรมในวันที่ 25 กันยายน เพื่อนเชต กล่าวว่า ผมกำลังเคลียร์คิวจะลงตัวแล้ว แต่ยังขาดคนนั่งเป็นเพื่อนและคนช่วยเติมน้ำมัน อันนี้ผู้เล่าเติมไปมั๊งถ้าอีนั่งรถมาดถานควรมากับเพื่อนเชตได้ เพราะเพื่อนมีรถใหม่แล้ว ยี่ห้อคล้ายรถถีบ ไปเสิบกันเอาเอง เพื่อนเค็มกะอีออกสักคันเล่า (รถถีบ) แต่เพื่อนจวบสวนด้วยคำพูดมาทันทีว่า ไม่ต้องไอ้เชต คนเติมจะอยู่ทีปั๊มแล้ว แต่คนช่วยหารเบี้ยค่าน้ำมันต่างหากที่ต้องการ จนล่วงเวลาเลยมาประมาณตี 9 หวา มีหนุ่มนายหนึ่งที่รูปร่างสันทัด หล่อเฟี้ยวเสมอ แต่ไม่มีภรรยาเป็นตัวเองทีเช่อของชายหนุ่มคนนี้คือ ศุภชัย วิมโลภาส หากนึกเช่อไม่ออก อดีตหัวหน้านักเรียนชั้น ม.ต้น เชียวน่ะครับพี่น้อง ชายหนุ่มผู้มีรูปหล่อไม่เปลี่ยนแปลง มีครบทุกอย่างขาดอย่างเดียวไม่เอาเมีย ชายหนุ่มคนดังกล่าวกะมาร่วมสนทนากลุ่มเพื่อนด้วย ถึงแม้จะมาสาย แต่กะเพียบพร้อมด้วยความมุ่งมั่นในการพบปะกันยามค่ำคืน ของคืนดึกดื่นดังกล่าว ความกระบวนกระวายในการคุยกันกะสนุกสนานมาก จนคนข้างโต๊ะหันมามองด้วยความสนใจว่า ไอ้เหวอนี้มัน ทำไหรกัน ตัวกระผมเองคิดว่า สิ่งที่เพื่อนกลุ่มนี้ได้สนทนากันนั้นไม่สูนเปล่า ไม่ว่าเรื่องการคุยกันในการดำเนินชีวิตของเพื่อนฝูง การเล่าเรื่องเก่า การคบหาสมาคม การเปิดประเด็นทางสังคม โดยที่กำลังขับเคลื่อนในขณะนี้ เรื่องของ ชมรมอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง เพื่อนภาสและประธานหยอยเป็นผู้ที่เป็นกำลังสำคัญทำในนามของเพื่อนเรา ในกลุ่มของเพื่อนเรารุ่น 5 ได้ดำเนินกิจกรรมที่มีเพื่อนหลายคนเป็นกำลังใจให้ มีกำลังใจในทางงบประมาณบ้าง ทางความคิดบ้าง ทางเอินๆบ้าง เพื่อนหยอยเองกะได้บอกเพื่อนเค็มแลกวันพุธที่ผ่านมาแล้วว่า เราต้องเดินกิจกรรมนี้ต่อไปเรื่อยๆ ๆไม่เหนือยหรอกเพื่อน เค็มเองมีส่วนรับรู้และแสดงความคิด ค่อนข้างหลายเวที ที่มีโอกาส แต่ในการจัดงานครั้งนี้นั้นกะได้รับความร่วมมืออย่างดี เงินคงไม่ใช่สาระสำคัญที่สำคัญเคือเรื่องเพื่อน คำว่าเพื่อนสิมันสำคัญหวา แหลงแล้วน้ำลายไหลครับ เรามีเพื่อนมากมาย นู้วันก่อนได้รับเมล์มาบับหนึ่งจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อนเรานามนายหลวงรงค์กะยัง เมล์มาเหลย ใครมีเมล์ yahoo ทำสักทีเล่าเพื่อนภาสเหอ ส่งไปให้มันกัน บอกแล้วระยะทางไม่ใช่อุปสรรค เพื่อนรงค์หยามนี้อยู่ดินแดนปลาดิบ หลบราวปีใหม่ เพื่อนอย่าลืมเซ้อเหนียวหลามมากินสักบอก น่ะเพื่อนนะจนกระทั่งล่วงเลย จนถึงดึก ประมาณ 23.25 น.ทางนายหัวประจวบ ยุทธศรี จึงขออนุญาตกลับก่อน พร้อมคุณศุภชัย หรือไอ้จุ๊บ กะไปพร้อมกัน เมื่อเรียก เช็คบิลล์ ทุกคนกะชิงกันชักเบี้ย ซึ่งหากสมัยก่อนพอถึงเวลานี้ กะชิงกันเข้าห้องน้ำ แต่เพื่อนเราโชว์ความมาดถาน กะได้จ่ายกันทั่วหน้าทุกคนเทอญ
ณ ลานจอดรถ ไอ้ตรันกล่าวว่า ไอ้เหลี้ยมกูต้องไปส่งไอ้น้อง มึงว่าปรือ เพื่อนเหลี้ยมหันไปทันทีตอบโดยไม่ยั้งคิด ว่า กูไปกัน หลังจากนั้นหนุ่มสาววัยดึก กะได้สนทนากันต่อที่บ้านไอ้น้อง (วาริน อินนุรักษ์) จนเวลาล่วงเลยของวันใหม่ไปราว สามชั่วโมง กะแยกย้ายกันกลับบ้าน พอหัวเช้าทุกคนกะปลอดภัยดีทุกคน ทุกนาม ครับนิทานกะจบโดยบริบูรณ์ ณ บัดนี้
ปล.ฝากข่าวเพื่อนทุกท่านทราบ เค็มไม่โทร ไม่ทวงใครแล้วน่ะครับ ขอบคุณ ทุกเสียงทุกสายที่ติดต่อมาและเค็มติดต่อไปแต่กะไม่ได้โทรถึงทุกคนขออภัยด้วยครับ สำหรับประเด็นเรื่องเพื่อนเนี่ยม (พิชิต นวลมะโน) กะมีทางออกให้กับสังคมเรียบร้อยแล้ว เพื่อนเมล์เข้ามาทักทายแล้วว่า เพื่อนเค็มลืมและพิมพ์เช่อตก เพราะเรามีเช่อ พิชิต สองคน อีกคนกะไอ้ฮูก (พิชิต เจริญศรี) ณ บัดนี้เพื่อนเค็มกะนับและเทิ่มเช่อเพื่อนเข้าไปแล้ว ขออภัยด้วยจริงๆครับ ประเด็นถัดมาในนามเพื่อนประธานรุ่นของเรา นายหัวหยอยฝากแจ้งประชาสัมพันธ์ มาด้วยแล้วจะรวบรวมเช่อสายเสแยกช่องโก ในวันสองวันนี้ เห็นได้ข่าวจะพบเลขาภาสในวันเสาร์หน้านี้ กะติดต่อกันได้ ไอ้แขกเที่ยวถามหาเสียงว่า เหวอเราอีเอากันพันปรือดี บัดสีไอ้ภาสมัน เห็นมันเค็กจังแล้ว ไอ้เค็มกะโม้เอาๆ (เค็กคืออาการของคนที่บายใจแล้วบอกเพื่อน ถ้าเพื่อนเข้าใจไม่ปรือ แต่ถ้าไม่เข้าใจ อาจโถกถีบพลัดหนำได้) ประธานหยอยสั่งการว่า บอกแล้วเอาตามนี้ครับ อ่านเมล์ไอ้เค็มไปเรื่อยๆ พอเวียนหัวชักเบี้ยทียี่สิบ ชักจำนวน 20 ครั้งเบี้ยกะครบ 500 ไม่ไปร่วมงานได้เสื้อ 1 ตัว ถ้าชักจำนวน 1K กะรับเจ๊กเก๊ต 1ตัวถึงแม้ไปหรือไม่ไปได้ กะไม่ปรือจะได้เสื้อทุกคน นิทานกะมีเท่านี้ครับ ท้ายสุดนี้หากเพื่อนท่านใดไม่ติดภารกิจไหร และมีเงื่อนเวลาโดยสามารถบริหารจัดการได้ โดยมาร่วมงานได้ เชิญทุกท่านครับพบกัน หน้าแผนกอิเล็กทรอนิกส์ วิทยาลัยเทคนิคพัทลุง ในวันเสาร์ที่ 25 กันยายน 2553 ตั้งแต่เวลา 16.30 น.เป็นต้นไปครับ สวัสดีครับ

ไม่มีความคิดเห็น: